กัวซา คืออะไร รักษาความเจ็บปวดได้จริงหรือไม่

กัวซา หรือกวาซา (Gua sha, Skin scraping) เป็นศาสตร์การรักษาแผนจีนที่เมื่อพูดขึ้นมาเมื่อไหร่หลาย ๆ คนมักจะนึกถึงภาพรอยผื่นแดงบนผิวหนังของเรา พร้อมด้วยเสียงที่ร้องโอดโอยขึ้นมาที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดจากการรักษาแบบกัวซาแน่นอน เพราะฉะนั้นในบทความนี้จะพาทุกคนมารู้จักกับการรักษาในศาสตร์นี้กันว่า มีที่มาที่ไปอย่างไร หากรักษาแล้วจะส่งผลอย่างไรต่อร่างกายของเราบ้าง เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าใจถึงศาสตร์การรักษาด้านนี้ได้อย่างถูกต้องนั่นเอง

กัวซา รักษาเพื่ออะไร สามารถบอกอะไรเราได้บ้าง

กัวซา เป็นการรักษาทางแพทย์แผนจีนรูปแบบหนึ่ง ที่มีความเชื่อกันว่าสามารถรักษาความเจ็บป่วยของมนุษย์ได้ ทั้งความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกและความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นจากร่างกายภายใน โดยปัจจัยภายนอกที่ก่อให้เกิดโรคได้คือการได้รับเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส ความชื้น การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

ในส่วนของปัจจัยภายในที่ส่งผลต่อการเกิดโรคนั่นก็คือ เกิดจากเรื่องของการไหลเวียนเลือดหรือเลือดลมที่ไหลเวียนได้ไม่สะดวก ส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดขึ้นกับร่างกายได้ ซึ่งความเจ็บปวดเหล่านี้สามารถที่จะรักษาได้ด้วยแพทย์แผนจีน ที่จะเรียกกันว่า “พิษ” เนื่องจากเชื่อกันว่ากัวซานั้นสามารถที่จะช่วยล้างพิษออกจากร่างกายได้นั่นเอง

การขูดกัวซาหรือกวาดกัวซา เป็นการใช้อุปกรณ์ที่ลักลักษณะคล้ายช้อน มีผิวเรียบ และลื่น ทำจากหินหยก โลหะ เหรียญโลหะ มากดลงบริเวณที่มีอาการเจ็บปวด หรือบริเวณที่ต้องการบำบัดให้หายจากความเจ็บปวด ค่อย ๆ ทำการขูดขึ้นลง โดยสามารถขูดลงบริเวณผิวหนังได้โดยตรง หรือขูดผ่านเสื้อผ้าก็ได้ เมื่อเกิดรอยแดงจากการขูด ให้ทำการย้ายตำแหน่งการขูด โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาขูดตำแหน่งละ 10-50 ครั้ง

มีความเชื่อกันในหมู่แพทย์แผนจีนว่า การทำกัวซานั้นเปรียบได้เสมือนกับการเอกซเรย์ร่างกายของเรา เนื่องจากว่าเมื่อมีความผิดปกติในร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือมีพิษเกิดขึ้น หากว่าได้ทำการขูดออกก็จะทำให้เกิดการ “ซา” หรือมีจุดรอยผื่นแดงขึ้นมา ซึ่งสีที่เกิดขึ้นจากการขูดนี้เองที่ทำให้สามารถบ่งบอกได้ว่า ความรุนแรงของอาการความเจ็บป่วยนั้นมีมากน้อยแค่ไหน โดยเฉดสีที่ได้จากการขูดนั้นก็สามารถแบ่งออกได้ 5 เฉดสีคือ

  • ไม่มีรอย ไปจนถึงสีชมพูระเรื่อ หมายถึง สุขภาพดี
  • สีแดงเป็นแนวยาว หมายถึง เริ่มมีพิษสะสมในร่างกาย
  • สีแดงเป็นจุด ๆ หมายถึง มีพิษสะสมในร่างกายปานกลาง
  • สีแดงเข้ม ไปจนถึงช้ำแดง หมายถึง มีพิษสะสมในระดับมาก
  • สีแดงช้ำกลายเป็นสีม่วงหรือสีดำ หมายถึง มีพิษสะสมมาก ถึงขั้นเซลล์มีการกลายพันธุ์หรือมีโอกาสเป็นมะเร็ง

สิ่งที่ควรรู้ก่อนการตัดสินใจทำกัวซา

แม้ว่าการทำกัวซาจะกำลังได้รับความนิยม แต่ก็มีสิ่งที่ควรรู้ก่อนที่จะตัดสินใจทำเลย คือ ก่อนที่จะทำกัวซาควรที่จะศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานพยาบาลที่เปิดให้บริการ หรือหาข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์ที่ทำการรักษาด้วยกัวซา เพราะกัวซานั้นเป็นสิ่งควรได้รับการทำด้วยแพทย์ฝังเข็ม หรือผู้ที่มีใบประกอบโรคศิลป์ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพื่อเป็นการช่วยให้เกิดความปลอดภัยต่อตัวผู้ป่วยเอง ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดแผลฟกช้ำ ช่วยให้ไม่เกิดอาการที่รุนแรงหลังทำ และหากว่าเป็นสถานพยาบาลที่ไม่ถูกสุขอนามัย ไม่ได้มีการฆ่าเชื้ออุปกรณ์ก่อน ก็อาจจะทำให้เกิดโรคติดต่อทางเลือดตามมาได้

ในส่วนของผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีอาการป่วยอย่างเรื้อรังและรุนแรง ควรที่จะทำการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะตัดสินใจทำกัวซาเสมอ เพื่อเป็นการไม่ทำให้เกิดอันตรายเมื่อต้องเข้ารับการรักษาด้วยกัวซานั่นเอง เพราะกัวซาอาจจะส่งผลที่ไม่ดีนักแก่ทุกคนที่ได้รับการรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีการรับประทานยาละลายลิ่มเลือด ผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่มีการแข็งตัวของเลือดแบบผิดปกติ และรวมถึงผู้ที่เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา

เมื่อการรักษาแบบ กัวซา เสร็จสิ้นแล้วจะทิ้งรอยให้เห็นเป็นระยะเวลา 3-7 วัน ตามแต่อาการหนักเบาของแต่ละคนประกอบด้วยอาการรู้สึกอ่อนเพลียและครั่นเนื้อครั่นตัว ให้ทำการรับประทานยาพาราเซตามอลได้ตามปกติ หากมีอาการไข้สูงเจ็บปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อรักษาโดยทันที ซึ่งหากใครที่กำลังสนใจที่จะทำการรักษาแบบดังกล่าวอยู่แล้วละก็ สามารถสอบถามกับคลินิกที่เปิดให้บริการซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 1,000 – 9,000 บาท เป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งสำหรับการรักษาอาการปวดต่าง ๆ ในปัจจุบัน