แผลร้อนใน (Mouth Ulcers) เป็นแผลที่สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คนจำนวนมาก เพราะถึงแม้จะเป็นเพียงแค่แผลเล็ก ๆ ถ้าอยู่ที่บริเวณผิวหนังภายนอกก็จะไม่รู้สึกเจ็บเท่าไหร่ และไม่รบกวนต่อการใช้ชีวิตประจำวันด้วย แต่แตกต่างกันเลยเมื่อเทียบกับแผลร้อนในที่เกิดขึ้นในปาก ซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอาการปวด บวม และการอักเสบของแผล จนกระทั่งไม่อยากจะขยับปากพูด ไม่อยากจะรับประทาน หรือไม่อยากจะดื่มน้ำ เนื่องจากว่าเมื่อโดนแผลแล้ว ก็จะเกิดความแสบอย่างรุนแรง
อาการร้อนในนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ภายในช่องปาก หนึ่งในจุดที่แผลร้อนในเกิดขึ้นได้บ่อยที่สุดก็คือ ร้อนในใต้ลิ้น ซึ่งดูแลรักษาได้ยากและที่สำคัญคือทำให้ผู้ป่วยไม่อยากที่จะพูดหรือขยับลิ้น ตามปกติแล้วแผลร้อนในมักจะหายไปเองภายในระยะเวลา 1 – 2 สัปดาห์และเป็นโรคที่ไม่ติดต่อ แต่ในกรณีที่คุณพบแผลร้อนในขนาดใหญ่มากหรือมีอาการเจ็บปวดมากจนทนไม่ไหว หรือเป็นนานโดยที่ไม่หายไปเสียที แนะนำว่าควรจะขอคำปรึกษาจากแพทย์
ร้อนในใต้ลิ้น เกิดจากอะไรได้บ้าง
เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การแปรงฟันแรง ๆ การกัดโดยไม่ได้ตั้งใจ และอื่น ๆ อีกทั้งยังพบปัจจัยเพิ่มเติมที่ทำให้เกิดร้อนในใต้ลิ้น มากขึ้นได้แก่…
- ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่มีโซเดียมลอริลซัลเฟต
- ความไวต่ออาหารที่เป็นกรด เช่น สตรอเบอร์รี่ ส้ม และสับปะรด
- ขาดวิตามินที่จำเป็น โดยเฉพาะ B-12, สังกะสี, โฟเลต และธาตุเหล็ก
- การจัดฟัน
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงมีประจำเดือน
- ความเครียดทางอารมณ์หรือการอดนอน
คุณควรไปพบแพทย์โดยด่วน หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้…
- แผลมีขนาดใหญ่ผิดปกติ
- อยู่นานกว่า 3 สัปดาห์
- มีความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนทนไม่ไหว
มีวิธีรักษาร้อนในใต้ลิ้นอย่างไร?
ร้อนในใต้ลิ้น ส่วนใหญ่จะรักษาตัวเองด้วยการใช้เวลา แต่อย่างไรก็ตามหากคุณเป็นแผลร้อนในใต้ลิ้นในปากบ่อยหรือเจ็บปวดมาก เราจะมาแนะนำวิธีในการบรรเทาอาการเจ็บปวด และช่วยย่นระยะเวลาในการรักษาได้ ได้แก่…
- นำเกลือผสมน้ำ อัตราส่วนน้ำ 1 แก้วเล็ก ผสมด้วยเกลือ 1 ช้อนชา พยายามกลั้วน้ำเกลือไปทั่วช่องปาก เน้นบริเวณใต้ลิ้น
- ปิดแผลร้อนในใต้ลิ้นด้วยผงเบกกิ้งโซดา
- ใช้น้ำแข็งประคบแผลร้อนในใต้ลิ้น
- ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ เพื่อลดอาการปวดและบวม
- การรับประทานอาหารเสริม เช่น กรดโฟลิก, วิตามิน B-6, วิตามิน B-12 และสังกะสี
เคล็ดลับป้องกัน ร้อนในใต้ลิ้น
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่ง ที่พบปัญหากวนใจบ่อยจากการเกิดร้อนในในปากหรือร้อนในใต้ลิ้น คุณอาจจะมีกิจกรรมบางอย่างที่ทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงในการเกิดแผลในปากมากเกินไป ลองตรวจสอบวิธีเหล่านี้และเช็กว่ามีสิ่งไหนที่คุณมักจะทำเป็นประจำหรือไม่ ให้พยายามหลีกเลี่ยงเพื่อถนอมช่องปากคุณ ไม่ทำให้เกิดแผลมากขึ้น
- พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่สร้างความระคายเคืองปาก เช่น ผลไม้ที่เป็นกรด สับปะรด, เกรปฟรุต, ส้ม หรือมะนาว รวมทั้งถั่ว หรือ มันฝรั่งทอด
- พยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยขณะเคี้ยวอาหาร เพื่อป้องกันการกัดปากตัวเอง
- ลดความเครียดและการรักษาสุขอนามัยในช่องปากที่ดี การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เพียงแต่จะป้องกันแผลในปากเท่านั้น แต่ยังเป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอื่น ๆ ด้วย
ร้อนในในปากหรือ ร้อนในใต้ลิ้น เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ซึ่งมีผู้ป่วยหลายคนใช้หลักสูตรทางลัด นั่นก็คือนำเกลือแปะไปที่แผลร้อนในโดยตรง แน่นอนด้วยวิธีนี้จะทำให้เกิดความแสบและเจ็บ จนกระทั่งทำให้น้ำตาไหล หลาย ๆ คนรู้สึกพึงพอใจที่ได้รักษาแผลด้วยวิธีนี้ ซึ่งเราไม่ขอแนะนำเท่าไหร่นัก เพราะการกัดกร่อนของเกลืออาจจะกัดแผล จนกระทั่งแผลหายช้าลงและบวมมากขึ้น บางรายเกลือกัดจนแผลร้อนในมีเลือดออก โดยเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือเมื่อนำทิชชู่ไปซับแผลร้อนในแล้วมีเลือดติดออกมา ดังนั้นแล้วแนะนำเป็นการบ้วนปากด้วยน้ำเกลือเจือจางจะดีกว่าเพราะมีความอ่อนโยน และดีต่อการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม